รู้ทันโรค...กับคุณหมอเส็ง

sangsuriyachat newsleter 67
Baby Boom-Gen X-Gen Y และ Gen Z 
        เคยได้ยินไหม...baby boom-gen x-gen y และ gen z ? เหล่านี้คือ  ยุคสมัยที่จัดแบ่งกลุ่มคนตามช่วงอายุตามวิชาประชากรศาสตร์ที่อเมริกันชนเขาใช้  และได้เผยแพร่ไปทั่วโลก  แต่ท่านเคยทราบไหมว่า  คนแต่ละยุคแต่ละสมัย  มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอะไรบ้าง? โรคต่างๆที่จะเกิดขึ้นในวัยของเรา โดยเริ่มจากกลุ่มแรก
        'Gen B'(baby boom  Generation หรือ Generation B) เป็นกลุ่มคนที่เกิดในช่วง พ.ศ.2490-2508 ที่ปัจจุบันมีอายุอยู่ระหว่าง 45-63 ปี กลุ่มคนยุคนี้เกิดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นยุคแห่งการผลิตประชากร  'เบบี้'จึงเกิดขึ้นแบบ'บูม'ไปทั่วโลก  มักเจอ 4 โรคยอดฮิต  (1)ความดันโลหิตสูง (2)มะเร็ง  (3)หลอดเลือดสมอง  (4)โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน
        'ความดันโลหิตสูง'คนส่วนใหญ่มักไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคนี้  แต่ถ้าสังเกตุดีๆ อาจมีอาการเหล่านี้ เสียงดังหวิวๆในหู  ได้ยินเสียงชึพจรเต้นในหัวตัวเอง  เลือดกำเดาไหลบ่อย เวียนหัวเป็นประจำจนผิดสังเกตุ ใจสั่น หัวใจเต้นแรงผิดปกติ ขาบวม หงุดหงิดง่ายอ่อนเพลีย ควรทานยาบำรุงร่างกายกล่องเหลือง ครั้งละ 30cc.(เช้า-เย็น) ยาหอมน้ำ ครั้งละ 50cc.(เช้า-เย็น)  
        'มะเร็ง'ที่พบได้บ่อยมากในคนไทย มีทั้งตับ มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเต้านม และมะเร็งปากมดลูก สามารถรักษาได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับบริเวณและอาการที่เป็น มีทั้งให้ยา เคมีบำบัด ฉายแสง และผ่าตัด ควรทานยาบำรุงร่างกายกล่องเหลือง ครั้งละ 30cc.(เช้า-เย็น) ยาขมิ้นชันเม็ด 2 เม็ด หลังอาหาร(เช้า-เที่ยง-เย็น)
        'โรคหลอดเลือดสมอง'หรือ'stroke'เกิดจากสมองขาดเลือดเพราะเกิดการอุดตันของเส้นเลือดที่นำอาหาร และออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง
ส่วนใหญ่จะเกิดแบบเฉียบพลัน มักมีอาการตาพร่ามัว ปวดหัว วูบ แขนขาอ่อนแรงด้านใดด้านหนึ่ง พูด กลืนลำบาก ทรงตัวไม่ดี หากถึงมือแพทย์ช้าอาจเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตได้ ควรทานยาบำรุงร่างกายกล่องเหลือง ครั้งละ 30cc.(เช้า-เย็น) ยาหอมน้ำ ครั้งละ 50cc.(เช้า-เย็น) ยาบำรุงโลหิต 50cc.(เช้า-เย็น)
        'โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน'หรือ'หัวใจขาดเลือด'เกิดจากไขมันสะสมในเส้นเลือดแดงจนไม่สามารถนำเลือดไปเลี้ยงหัวใจได้ มีการเจ็บหน้าอก จุกแน่นลึกๆบริเวณใต้กระดูกหน้าอก หรือหน้าอกด้านซ้ายมักมีการเจ็บร้าวไปที่หัวไหล่ซ้ายลงไปตามแขนซ้ายด้านใน หน้ามืด ต้นเหตุของโรคร้ายนี้เกิดจากความเครียด อาหารที่รับประทานเข้าไป ชา กาแฟ สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ พักผ่อนไม่เพียงพอ และไม่ออกกำลังกาย ควรทานยาบำรุงร่างกายกล่องเหลือง ครั้งละ 30cc.(เช้า-เย็น) ยาหอมน้ำ ครั้งละ 50cc.(เช้า-เย็น) ยาบำรุงโลหิต ครั้งละ 50cc.(เช้า-เย็น)
        การดูแลป้องกันคนเจเนอเรชั่นนี้ควรอย่าเครียด หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ดูแลการทานอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ หลีกเลี่ยงการทานอาหารหมักดอง หรือไหม้เกรียม งดกินเค็ม เลี่ยงรสจัด ชา กาแฟ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กินอาหารไขมันต่ำ ทานผัก ผลไม้ ควบคุมความดันโลหิต พักผ่อนให้เพียงพอ และอย่าลืมตรวจสุขภาพกายและหัวใจให้เป็นประจำ
        และโปรดติดตาม generation ต่างๆในคราวต่อไปนะครับ
 
        
sangsuriyachat newsleter 

สวัสดีครับมสมาชิกทุกท่าน มีคำถามมากมายที่ถามผมมาโดยเฉพาะโรคบางโรคที่สมาชิกมีความกังวลมาก ถามว่ารุนแรงไหม  ผมก็ขอตอบว่าโรคภัยไข้เจ็บถ้าเกิดขึ้นกับใครแล้ว ขอให้ท่านมีกำลังใจที่จะต่อสู้  และหาวิธีรักษา  และดูแลสุขภาพตามที่หมอแนะนำ  วันนี้ผมขอตอบคำถามเกี่ยวกับ โรคเอดส์, โรควัณโรค, โรคธารัสซีเมีย ดังนี้ครับ
โรคเอดส์ อาการคนที่เป็นโรค HIV หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปคือโรคเอดส์ โรคที่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง สาเหตุเกิดจาก  การร่วมเพศหรือการถ่ายเลือดจากคนที่มีเชื้อ HIV การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน  แต่ถ้าหากมีการร่วมเพศโดยใช้ถุงยางอนามัย และป้องกันอย่างถูกวิธีก็จะไม่ติดเชื้อเอดส์  อาการของคนที่เป็นโรคเอดส์จะน้ำหนักลด มีอาการท้องเสียต่อเนื่องระยะยาว มีอาการเป็นไข้ตัวร้อน มีตุ่มแดง หรือตุ่มขึ้นตามร่างกาย  อ่อนเพลียไม่มีเรี่ยวแรง  ผ่ายผอม หากเป็นโรคเอดส์แล้วเกิดตั้งครรภ์ เด็กที่เกิดมาก็มีโอกาสติดเชื้อโรคสูง มีหลายคนที่ได้มาปรึกษากับผมว่า ยาสมุนไพรของผมสามารถรักษาเชื้อ HIVได้หรือเปล่า ผมก็บอกเขาไปตามตรงว่ายาสมุนไพรของผมไม่สามารถรักษาหรือยับยั้งเชื้อ HIV ได้  แต่ยาสมุนไพรของผมเมื่อคนป่วยที่ติดเชื้อทานไปแล้วร่างกายของเขาก็จะแข็งแรงขึ้น  สามารถยืดชีวิตของเขาต่อไปอีกได้  และให้ผู้ป่วยทานยาของผมควบคู่ไปกับยาแผนปัจจุบันที่ทานอยู่แล้ว ส่วนยาของผมที่สามารถทานได้คือ
        ยาบำรุงร่างกาย  เช้า 30.cc      เย็น 30.cc
        ยาขมิ้นชัน        เช้า 3 เม็ด      เย็น 3 เม็ด
        (ทานทั้งสองตัวยาควบคู่กันนะครับ)
โรควัณโรค
โรควัณโรคจะติดต่อจากคนสู่คน การติดต่อของวัณโรคจะเหมือนกับการติดต่อของไข้หวัด เชื้อวัณโรคจะแพร่กระจายในอากาศ และนานๆครั้งจะพบว่า  มีการติดต่อโดยการสัมผัส  ผู้ที่ป่วยเป็นวัณโรคปอดเท่านั้นที่จะเป็นผู้แพร่เชื้อ เมื่อคนเหล่านี้ ไอ จาม พูดคุย หรือถ่มน้ำลาย ขากเสมหะ เชื้อวัณโรคในปอดจะถูกขับฟุ้งกระจายสู่อากาศ และสามารถล่องลอยอยู่ได้นานหลายชั่วโมง อาการของคนที่เป็นโรควัณโรค หรือคนที่สมัยก่อนเรียกว่าโรคปอด  จะมีร่างกายผอมแห้ง แรงน้อย ไอเรื้อรัง มีเลือดปนออกมาเวลาไอ โรคชนิดนี้สมัยก่อนจะเป็นกันเยอะมาก แต่ปัจจุบันเป็นกันน้อยเพราะมีวัคซีนป้องกันโรคเรียบร้อยแล้ว  ปัจจุบันหากเป็นโรควัณโรคก็สามารถรักษาให้หายขาดได้แล้ว  ส่วยยาสมุนไพรของผมก็จะช่วยทำให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดีขึ้น  แต่ผู้ป่วยก็ต้องทานยาแผนปัจจุบันควบคู่กับยาของผม
        ยาบำรุงร่างกาย เช้า 30.cc  เย็น 30.cc   
        ยาขมิ้นชัน       เช้า 2 เม็ด  เย็น 2 เม็ด
        (ทานทั้งสองตัวยาควบคู่กันนะครับ)
โรคธารัสซีเมีย
โรคธารัสซีเมีย มีคนที่ป่วยเป็นโรคชนิดนี้เยอะขึ้น ผู้ป่วยจะมีอาการซีดเหลือง และตับ ม้ามโต มาตั้งแต่เด็ก  ร่างกายเติบโตช้า ตัวเตี้ยและน้ำหนักน้อยไม่สมอายุ โรคธารัสซีเมีย เป็นโรคพันธุกรรมที่เกิดจากความผิดพลาดของโครโมโซม ทำให้ปริมาณการสร้างฮีโมโกลบินลดน้อยลง หรือไม่มีการสร้างเลย แต่ความรุนแรงของโรคจะขึ้นอยู่กับลักษณะของความผิดปกติของยีนต์บนโคโมโซม  หากพ่อแม่มีเชื้อเป็นพาหะด้วยกันทั้งคู่ ลูกที่คลอดมาก็จะเป็นธารัสซีเมียตั้งแต่เกิด  แต่ถ้าหากพ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่งที่เป็นพาหะ  แต่อีกคนไม่เป็นก็สามารถมีบุตรได้ ปัจจุบันหากหญิงใดตั้งครรภ์แพทย์ก็จะเจาะเลือดเพื่อหาเชื้อของโรค หากมารดาไม่มีเชื้อก็ตั้งครรภ์ได้ แต่หากมารดามีเชื้อธารัสซีเมีย ก็จะต้องตรวจเลือดของสามีว่ามีเชื้อหรือไม่ แต่หากตรวจเลือดพบว่ามีเชื้อธารัสซีเมียทั้งสองคน หมอก็จะถามความสมัครใจทั้งคู่ว่าจะเอาเด็กไว้ต่อหรือไม่  เพราะหากเด็กเกิดมาจะเป็นโรคธารัสซีเมีย  ร่างกายไม่แข็งแรง จะต้องถ่ายเลือดเป็นประจำ ส่วนยาของผมก็ช่วยได้ระดับหนึ่ง
        ยาบำรุงร่างกาย  เช้า 30.cc เย็น 30.cc
        (เพียงอย่างเดียว แต่คุณต้องทานติดต่อกัน ทานมากโอกาสที่จะหายเป็นปกติ มีนะครับ)
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
sangsuriyachat newsleter 
โรคข้อเสื่อม...เป็นปัญหาที่นับวันจะมีความสำคัญมากขึ้น  ทั้งนี้เพราะจำนวนของคนวัยทองนับวันจะมีมากขึ้น และจะมากขึ้นอีกในอนาคต ยิ่งคนเรามีอายุมากขึ้นเท่าไร จำนวนของคนที่เป็นโรคข้อเสื่อมก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น  มีการศึกษาที่แสดงว่าคนที่อายุ 60 ปีขึ้นไป มีคนเป็นโรคข้อเสื่อมถึงร้อยละ 50 และคนอายุ 70 มีถึงร้อยละ 70 ที่เป็นโรคข้อเสื่อม  ดังนั้นพวกเราทุกคนเมื่อมีอายุมากขึ้น จนเข้าวัยทองคงหนีไม่พ้นโรคข้อเข่าเสื่อมแน่ เพียงแต่ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด จะเกิดขึ้นเร็วหรือช้าแค่ไหนเท่านั้น