ยาสมุนไพรโบราณ
                  ตำหรับ
"หมอเส็ง"

สถิติ
เปิดเมื่อ24/05/2011
อัพเดท10/02/2014
ผู้เข้าชม160679
แสดงหน้า206438
ปฎิทิน
April 2024
Sun Mon Tue Wed Thu Fri Sat
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
    
จดหมายข่าว




ผมชื่อ...ตับ...ครับ (อาหารสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน)

ผมชื่อ...ตับ...ครับ (อาหารสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน)
อ้างอิง อ่าน 1661 ครั้ง / ตอบ 1 ครั้ง

angmorseng
 .....



หวัดดี...ฉันคือตับ ของคุณ ให้ฉันเล่าให้คุณฟังว่า ฉันรักคุณมากเท่าใด 9 ข้อ

1. ฉับสะสมธาตุเหล็กสำรองรวมทั้งวิตามิน และ แร่ธาตุ ต่างๆ ที่คุณต้องการ
หากไม่มีฉัน คุณก็จะไม่มีเรี่ยวแรงที่อยู่ต่อไป

2. ฉันผลิตน้ำย่อย สำหรับย่อยอาหารให้คุณ
หากไม่มีฉัน คุณก็สูญเสียอาหาร จนไม่มีอะไรเหลืออยู่

3. ฉันทำหน้าที่ล้างพิษของพวกสารเคมีที่คุณมอบให้ฉัน
ไม่ว่าจะเป็น แอลกอฮอล์ เบียร์ ไวน์ ยาต่างๆ(ที่มีและไม่มีใบสั่งของแพทย์)
รวมทั้งบรรดาสิ่งผิดกฏหมายทั้งหลาย
หากไม่มีฉันแล้วนิสัยไม่ดีของคุณ ก็จะฆ่าคุณไปแล้ว

4. ฉันเก็บพลังงานเหมือนแบตเตอรี่ โดยสะสมน้ำตาล(คาร์โบไฮเดรท , กลูโคส และ ไขมัน)
ไว้ให้คุณเมื่อคุณต้องการมัน
หากไม่มีฉัน ระดับน้ำตาลในเลือดของคุณจะลดลงต่ำมาก จนทำให้คุณล้มพับไป

5. ฉันสร้างเลือดให้ระบบต่างๆ ของคุณ ก่อนที่คุณจะเกิดเสียอีก
หากไม่มีฉันแล้วก็คงจะไม่มีคุณอยู่ที่นี่

6. ฉันผลิตโปรทีนใหม่ที่ร่างกายของคุณต้องการเพื่อการมี สุขภาพดีและเจริญเติบโต
หากไม่มีฉันแล้วคุณก็จะไม่เจริญเติบโตอย่างที่ควร

7. ฉันกลั่นกรองสารพิษจากอากาศ ไอเสียรถยนต์ และสารเคมี ที่คุณหายใจเข้าไป
หากไม่มีฉันแล้วคุณก็จะเหมือนถูกวางยาพิษโดยมลภาวะเหล่านั้น

8. ฉันผลิตสารทำให้เลือดแข็งตัว ถ้าคุณบังเอิญไปโดนอะไรบาด
หากไม่มีฉันแล้วคุณจะต้องตายเพราะเลือดไหลไม่หยุด

9. ฉันคอยต่อสู้ ป้องกันไม่ให้เชื้อโรคต่างๆ โจมตีคุณ ไม่ว่าจะเชื้อหวัด หรือ ไข้หวัดใหญ่
อะไรก็ตาม ฉันจะน็อคมันให้ตายหมด หรือ ไม่ก็ทำให้มันอ่อนแรงลง
หากไม่มีฉันแล้วคุณก็เหมือนเป้านิ่ง รอให้สารพัดโรคโจมตี

ดูซิว่า ฉันรักคุณแค่ไหน....
แล้วคุณล่ะ รักฉันบ้างไหม ?

ขอให้ฉันบอกวิธีง่ายๆ ที่จะ รัก ฉัน , ตับ ของคุณ


อย่ากดฉันให้ต้องจมลงในน้ำเบียร์ แอลกอฮอล์ หรือ ไวน์ เลย
สำหรับบางคนแล้วเพียงแก้วเดียว ก็ทำให้ฉันเป็นแผลเป็นไปตลอดชีวิต

ระวังบรรดา ' ยา ' ทั้งหลาย
ยาทุกอย่างมาจากสารเคมี
และเมื่อคุณเอามันมนผสมกันเข้า โดยไม่มีคำแนะนำจากแพทย์
มันก็กลายเป็นยาพิษที่สามารถทำลายฉันได้อย่างดีทีเดียวละ
ฉันเป็นแผลเป็นง่าย เมื่อเป็นแล้ว เป็นอย่างถาวรเสียด้วย
บางครั้งยาก็เป็นสิ่งจำเป็น แต่ การกินยาเกินความจำ เป็น เป็นนิสัยไม่ดี
บรรดาสารเคมีเหล่านั้น สามารถทำลายตับได้

จงระวังบรรดากระป๋องสเปรย์ทั้งหลาย
จำไว้ว่า ฉันจะต้องล้างพิษทุกอย่างที่คุณหายใจเอาเข้าไปด้วย
ดังนั้นเวลาคุณทำความสะอาดอะไรด้วยพวกสเปรย์
ต้องให้มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก หรือสวมหน้ากากด้วย
อันตรายเพิ่มเป็นสองเท่า สำหรับพวกสเปรย์ฆ่าแมลง ฆ่าเชื้อรา สี และสารเคมี
ระวังว่าคุณหายใจเอาอะไรเข้าไป

ระวังว่าอะไรโดนผิวหนังคุณด้วย ยาฆ่าแมลงที่คุณฉีดต้นไม้ พุ่มไม้นั้น
สามารถผ่านผิวหนังของคุณเข้ามาโจมตีฉันได้ด้วย
ป้องกันผิวหนังของคุณโดยการสวมถุงมือ ใส่เสื้อแขนยาว หมวก หน้ากากทุกครั้ง
ที่คุณฉีดยาฆ่าแมลง


คำเตือน
ฉันไม่สามารถ และ ไม่บอกคุณด้วยว่าฉันประสพกับปัญหา
จนกระทั่งเกือบจะถึงวาระสุดท้ายของทั้งฉันและคุณเสียแล้ว
จงจำไว้ว่า ฉันไม่ใช่ประเภทขี้บ่น
ให้ฉันทำงานหนักเกินไปโดยอัด ยา แอลกอฮล์ และ บรรดาอาหารขยะ
สามารถทำร้ายฉันได้!
นี่อาจเป็นการเตือนครั้งเดียวที่คุณจะได้รับ

โปรดฟังคำแนะนำฟรี
พาฉันไปให้คุณหมอตรวจ
การตรวจเลือด สามารถบอกปัญหาบางอย่างได้
ถ้าฉันยังอ่อนนุ่ม และไม่เป็นตะปุ่มตะป่ำ แสดงว่าฉันยังดีอยู่
ถ้าคุณหมอสงสัย การอัลตร้าเซาวนด์ หรือ ซีที แสกน ช่วยได้
อายุของฉัน กับอายุของคุณ ขึ้นอยู่กับว่า คุณดูแลฉันดีแค่ไหน


คราวนี้คุณรู้แล้วละซี ว่าฉันรักคุณแค่ไหน
ได้โปรดดูแลฉันหน่อยด้วยความรักและผูกพัน
จาก เพื่อนร่วมชีวิตผู้สงบเงียบ
และคู่รักนิรันดร
ของคุณ
ตับ

.....................................................................................................................

 
ตับแข็งเพราะไขมันไปพอกตับ...เกิดจากหลายสาเหตุ...
ไขมันพอกตับ (Fatty liver)

โรคไขมันพอกตับ หรือบางท่านเรียกว่า ไขมันเกาะตับ หรือไขมันจับตับ หรือกรดไขมันพอกตับ หรือไขมันจุกตับ (Fatty liver) คือโรคที่มีไขมันเข้าไปอยู่ในเซลล์ตับเกินปกติ คือ ประมาณ 5-10% ของตับโดยน้ำหนัก โดยทั่วไปมักเป็

ไขมันพอกตับเป็นโรคที่พบได้บ่อย คือ ประมาณ 10-35% ของประชากรทั้งนี้แตกต่างกันในแต่ละเชื้อชาติ และในแต่ละประเทศ อย่างไรก็ตามพบได้ถึงประมาณ 75% ในคนเป็นโรคอ้วน และมักเป็นโรคที่เป็นสาเหตุให้มีการทำงานผิดปกติของตับจากการตรวจเลือดดูการทำงานของตับในการตรวจสุขภาพประจำปี

ไขมันพอกตับ พบเกิดได้ในทุกอายุ ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุ ทั้งนี้ขึ้นกับสาเหตุ โดยบางการศึกษาพบเกิดในผู้หญิงมากกว่าในผู้ชาย แต่บางการศึกษา อัตราเกิดใกล้เคียงกันทั้งในผู้ หญิงและในผู้ชาย

ไขมันพอกตับโรคไขมันพอกตับเกิดได้อย่างไร?

กลไกการเกิดโรคไขมันพอกตับ อาจเกิดได้จากมีการผิดปกติในการใช้พลังงานของร่างกาย ส่งผลให้มีปริมาณไขมันในร่างกายสูง เช่น จากอาหาร จากร่างกายสร้างไขมันมากขึ้น หรือร่างกายนำไขมันไปใช้ได้น้อยลง จึงส่งผลให้มีไขมันสะสมในตับสูงขึ้น หรือมีความผิดปกติอื่นๆที่ส่งผลให้ร่างกายนำไขมันไปสะสมที่ตับสูงขึ้น หรือมีการผิดปกติในการสันดาปอาหารในกลุ่มคาร์โบไฮเดรต (แป้งและน้ำตาล) จากฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin) จากตับอ่อน ส่งผลให้ร่างกายนำคาร์โบไฮเดรตไปใช้ไม่หมด คาร์โบไฮเดรตส่วนเกินเหล่านี้จึงเปลี่ยนไปอยู่ในรูปของไขมันไตรกลีเซรายด์ ซึ่งร่างกายนำไปเก็บสะสมไว้ในตับ ทั้งนี้เพราะพบโรคนี้ได้สูงในผู้ป่วยโรคเบาหวานด้วย

โรคไขมันพอกตับมีสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงจากอะไร?

สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคไขมันพอกตับแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ จากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งความรุนแรงของโรคจะขึ้นกับทั้งปริมาณแอลกอฮอล์ ประเภท และระยะเวลาที่ดื่ม เรียกว่า Alcoholic fatty liver และสาเหตุที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ เรียกว่า Non alcoholic fatty liver ซึ่งในกลุ่มนี้ มีสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงได้จาก

- มีโรคที่เกี่ยวข้องกับการสันดาป/การใช้พลังงาน (Metabolism) ของร่างกาย ที่เรียกว่า Metabolic syndrome (เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และโรคไขมันในเลือดสูง)

- ภาวะได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ หรือภาวะทุพโภชนาการ เช่น มีโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง หรือจากการได้รับอาหารทางหลอดเลือดต่อเนื่อง

- เป็นผลข้างเคียงจากยาบางชนิด เช่น ยาเคมีบำบัดรักษาโรคมะเร็ง ยาปฏิชีวนะบางชนิด ยาในกลุ่มสเตียรอยด์ ยาต้านไวรัสบางชนิด ยาต้านฮอร์โมนบางชนิดในการรักษาโรคมะเร็งเต้านม หรือยาพาราเซตามอล (Paracetamol) ในปริมาณสูงต่อเนื่อง

- ได้รับสารพิษบางชนิด เช่น จากการบริโภคเห็ดมีพิษ หรือยาฆ่าแมลง

- การติดเชื้อต่างๆ เช่น เชื้อเอชไอวี และไวรัสตับอักเสบ ซี
กินอาหารให้พลังงานสูงเป็นประจำ รวมทั้งไขมัน โปรตีน และ/หรือ คาร์โบไฮ เดรต

- การลดน้ำหนักอย่างหักโหม

- การผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนัก (Bariatric surgery)
อาจจากพันธุกรรม

โรคไขมันพอกตับมีอาการอย่างไร?

โดยทั่วไป โรคไขมันพอกตับ มักไม่ก่อให้เกิดอาการ แต่เป็นการตรวจพบโดยบังเอิญจากการตรวจเลือดดูการทำงานของตับในการตรวจสุขภาพทั่วไป หรือจากการตรวจภาพตับด้วยอัลตราซาวด์ในการตรวจวินิจฉัยโรคอื่นๆของตับ หรือของถุงน้ำดี หรือของช่องท้อง

อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดไขมันพอกตับต่อเนื่องโดยไม่มีการรักษา ควบคุม หรือเลิกสาเหตุ /ปัจจัยเสี่ยง โรคไขมันพอกตับจะค่อยๆรุนแรงขึ้น เปลี่ยนเป็นการอักเสบของตับ มีพังผืดเกิดในตับและเป็นโรคตับแข็งในที่สุด ซึ่งจะพบ เกิดจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่อเนื่องได้บ่อยมาก แต่ในกลุ่มที่ไขมันพอกตับไม่ได้เกิดจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โอกาสเกิดการรุนแรงของโรคจะน้อยกว่า เช่น ในคนอ้วนมีโอกาสที่จะเกิดการอักเสบ และพังผืดของตับจากไขมันพอกตับได้ประมาณ 23% โดยเรียกว่า โรค Non alcoholic steatohepatitis (NASH) และประมาณ 20% ของผู้ป่วยโรค NASH/ตับอักเสบจากไขมันพอกตับชนิดที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอ ฮอล์ โรคจะรุนแรงขึ้นและกลายเป็นโรคตับแข็งในที่สุด และมีโอกาสเสียชีวิตจากโรคตับแข็งได้ประมาณ 10%

ในโรคตับแข็งที่เกิดจากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ประมาณ 10% จะเกิดเป็นโรคมะเร็งตับ แต่ในโรคตับแข็งที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรค มะเร็งตับมากน้อยอย่างไร
ทั้งนี้ในโรคไขมันพอกตับที่มีการอักเสบของตับร่วมด้วย ผู้ป่วยจะมีอาการได้ เช่น

- อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
- อาจเจ็บใต้ชายโครงขวา (ตำแหน่งที่อยู่ของตับ) เล็กน้อย
- แน่น อึดอัดท้อง จากการมีตับโตขึ้น
- อาจมีตับโต คลำพบได้ ปกติจะคลำตับไม่ได้
- อาจผอมลงโดยไม่ได้เกิดจากการอดอาหาร หรือจากลดน้ำหนัก

รักษาโรคไขมันพอกตับอย่างไร?

แนวทางการรักษาโรคไขมันพอกตับ คือ การเลิกสุรา การเลิก หรือหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆดังกล่าวแล้ว การให้ยาลดไขมันในเลือด ให้ยารักษาโรคที่เป็นสาเหตุ เช่น ยารักษาโรค เบาหวาน นอกจากนั้น อาจมีการให้ยาบางชนิดเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของตับ เช่น ยาช่วยการทำงานของตับ ยาเพิ่มการไหลเวียนเลือดในตับ และวิตามินอี ร่วมกับจำกัดอาหารไขมัน และคาร์โบไฮเดรต การควบคุมน้ำหนัก และการออกกำลังกาย

โรคไขมันพอกตับรุนแรงไหม? มีผลข้างเคียงอย่างไร?

โดยทั่วไป ถ้าตรวจพบตั้งแต่ในระยะแรกยังไม่มีอาการ ภายหลังการรักษาโรคไขมันพอกตับมักกลับเป็นปกติได้ แต่ถ้ามีอาการแล้วการรักษาโรคให้กลับเป็นปกติจะยากกว่ามาก อาจเพียงช่วยไม่ให้โรครุนแรงขึ้นจนกลายเป็นโรคตับแข็ง ดังกล่าวแล้วในหัวข้อ อาการ

ส่วนผลข้างเคียงจากโรคไขมันพอกตับ คือ การที่โรครุนแรงกลายเป็นโรคตับแข็ง หรือเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งตับในกรณีไขมันพอกตับเกิดจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอ ฮอล์ ดังกล่าวแล้วในหัวข้อ อาการ

7 หลักเลี่ยงไขมันพอกตับ

1.การลดน้ำหนักอย่างปลอดภัย โดยต้องลดลงไม่เกิน 0.5 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ 

2.การออกกำลังกายเป็นประจำอย่าให้ขาด

3.สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน และไขมันในเลือดสูง ต้องควบคุมโรคให้ดี ร่วมกับการรับประทานยาตามแพทย์สั่ง ควบคุมอาหาร และออกกำลังกาย 

4.เป็นการลด และเลิกการดื่มสุรา เพราะเป็นการเพิ่มภาระให้ตับ 

5.หลีกเลี่ยงการรับประทานยา หรืออาหารเสริมที่ไม่จำเป็น โดยเฉพาะชนิดที่เป็นน้ำมันและสมุนไพร

6.ต้องป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อ เช่น ตรวจสอบว่าตนเองมีภูมิคุ้มกันไวรัสตับอักเสบหรือไม่ หากไม่มีต้องฉีดวัคซีนป้องกัน รวมทั้งการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย เมื่อต้องทำฟัน หรือทำเล็บ ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

7.อย่าละเลยการตรวจสุขภาพประจำปี เพราะผู้ป่วยไขมันพอกตับส่วนใหญ่จะถูกตรวจพบความผิดปกติจากผลตรวจสุขภาพที่แสดงค่าเอนไซม์ของตับ (AST และ ALT) ผิดปกติ คือมากกว่า 40

สัญญาณต่อไปนี้ อาจบ่งชี้ว่าตับของคุณเริ่มมีปัญหา 

- คุณมีน้ำหนักมาก และมีไขมันสะสมที่หน้าท้อง
- คุณลดน้ำหนักอย่างไรก็ไม่ลง
- คุณมีระดับคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง
- คุณเป็นเบาหวาน
- คุณรู้สึกเหนื่อย และอ่อนเพลีย
- คุณรู้สึกเจ็บตึง ๆ ที่ชายโครงขวา
- คุณมีอาการเบื่ออาหาร รับประทานอาหารไม่ลงและคลื่นไส้เป็นบางครั้ง

ขอบคุณข้อมูล :
haamor.com / หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ / BetterHealth

..................................................................................................................


"ช่วยตับขับพิษด้วยอาหาร"

เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้ว ว่า ตับ เป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่ขับสารพิษออกจากร่างกาย ดังนั้น การทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพตับเป็นประจำจะช่วยแบ่งเบาภาระให้ตับได้ ซึ่งการที่ตับทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพย่อมส่งผลให้ร่างกายมีพลังมากขึ้น

นอกจากหน้าที่ในการขับสารพิษแล้ว ตับยังช่วยในกระบวนการย่อยอาหารและเปลี่ยนสารอาหารให้เป็นพลังงาน เมื่อร่างกายต้องการตับที่แข็งแรงจะส่งผลให้มีสุขภาวะที่ดี เพราะตับช่วยลดการติดเชื้อ โดยช่วยขจัดของเสียออกจากร่างกาย เราจึงต้องดูแลตับด้วยการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์เสียแต่วันนี้
อาหารอันดับต้นๆ ที่ช่วยตับในการล้างพิษได้แก่ กระเทียม หัวหอม มะนาว ผักใบเขียว ดอกกะหล่ำและกะหล่ำปลีเพราะจะทำให้สารพิษที่เจือปนมากับอาหารอื่นนั้นมีสภาพเป็นกลาง นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มการผลิตน้ำดีซึ่งช่วยทำความสะอาดกระเพาะอาหารและลำไส้ รวมถึงช่วยกระตุ้นให้ลำไส้มีการขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว
ผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงได้แก่ องุ่น ส้ม แคนตาลูป มะละกอ พรุน ลูกเกด ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ จะช่วยปกป้องตับจากสารอนุมูลอิสระที่จะมีปริมาณสูงขึ้นในกระบวนการขับสารพิษออกจากร่างกาย
นอกจากนี้อาหารที่มีวิตามินบีสูงอย่างธัญพืชที่ไม่ขัดสีต่างๆ และผักผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี อย่างพืชที่มีรสเปรี้ยวและผักใบเขียวทั้งหลาย จะช่วยในกระบวนการล้างพิษของตับ ส่วนอาหารที่เป็นพี่เลี้ยงช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของตับ ได้แก่ 
“เลซิติน” ซึ่งมีมากในไข่แดง ถั่วเหลือง ข้าวโอ๊ต กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก เนื้อปลา ส่วน “ธาตุสังกะสี” ที่มีมากในเนื้อสับ 
ถั่วขาว เนื้อไก่และหอยนางรมก็ช่วยให้ตับทำหน้าที่ได้ดีขึ้น
หากจะดูแลรักษาตับอย่างเห็นผลก็ไม่ควรทานอาหารที่มีไขมันสูง เพราะตับสามารถผลิตคอเลสเตอรอลได้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายอยู่แล้ว สิ่งสำคัญในการป้องกันอันตรายให้แก่ตับ และเพื่อหลีกเลี่ยงโรคตับแข็ง ก็ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์เพื่อให้อวัยวะหนึ่งเดียวนี้ช่วยขับพิษให้ ร่างกายได้อีกนาน


ขอขอบคุณข้อมูลจาก :หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ
 
angmorseng [101.51.174.xxx] เมื่อ 14/01/2017 13:57
ความคิดเห็นของผู้เข้าชม
รูปประกอบความคิดเห็น :
ชื่อผู้แสดงความคิดเห็น :
สถานะ : รหัสผ่าน :
อีเมล์ :
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง :
รหัสความปลอดภัย :
 


ยินดีให้คำปรึกษา และคำแนะนำในการใช้ยาสมุนไพรหมอเส็ง สนใจติดต่อที่ศูนย์สาขา cc747
บริหารงานโดย.คุณเทพพิศักดิ์ ชื่นมุนีวงศ์ (คุณอัง.)ผู้บริหารระดับโกลด์ คุณวุฒิว่าที่ฉัตรทับทิม

สั่งซื้อสินค้าได้จากเว็บไซต์ บริการจัดส่งทั่วประเทศ โทร.087-874 7997 (คุณอัง.)มีข้อสังสัยสอบถามได้
สั่งซื้อสินค้าได้จากเว็บไซต์ บริการจัดส่งทั่วประเทศ โทร.087-874 7997 (คุณอัง.)มีข้อสงสัยสอบถามได้